ความถนัดแพทย์ MEDDENT
เข้าสู่ระบบ
ปรึกษาแอดมิน
หลักการนับเบื้องต้นและความน่าจะเป็น

หลักการนับเบื้องต้นและความน่าจะเป็น

พฤศจิกายน 8, 2025

สวัสดีค้าบบ วันนี้พี่แม็คจะพาน้อง ๆ มาทำความรู้จักกับเนื้อหาสำคัญมาก ๆ อีกหนึ่งเรื่องในคณิตศาสตร์ นั่นก็คือ หลักการนับเบื้องต้นและความน่าจะเป็น นั่นเองค้าบบ โดยเรื่องนี้อยู่กับเราในชีวิตประจำวันค่อนข้างมากอย่างเช่น

การพยากรณ์อากาศ บางครั้งน้อง ๆ อาจจะเห็นแจ้งเตือนในโทรศัพท์ว่า "ฝนมีโอกาสตก 70%" น้อง ๆ หลายคนอาจจะแปลว่า ยังไงก็ต้องพกร่มแน่ ๆ บางคนอาจคิดว่า ฝนน่าจะตกตลอดทั้งวันเลยหรือเปล่า จริง ๆ แล้วตัวเลขแบบนี้มาจากการคำนวณความเป็นไปได้โดยใช้เรื่องหลักการนับและความน่าจะเป็นมาช่วยนั่นเองค้าบบ

หลักการนับเบื้องต้น

หลักการบวก

ในการทำงานอย่างหนึ่ง ถ้าสามารถแบ่งวิธีการทำงานออกเป็น kk กรณี โดยที่
กรณีที่ 1 สามารถทำได้ n1n_1 วิธี
กรณีที่ 2 สามารถทำได้ n2n_2 วิธี
\vdots
กรณีที่ kk สามารถทำได้ nkn_k วิธี
ซึ่งวิธีการทำงานในทั้ง kk กรณีไม่ซ้ำซ้อนกัน และการทำงานในแต่ละกรณีทำให้งานเสร็จสมบูรณ์
แล้วจะสามารถทำงานนี้ได้ทั้งหมด n1+n2++nkn_1+n_2+\cdots+n_k วิธี

Ex. การเดินทางของจอยจากบ้านไปโรงเรียนสามารถเดินทางโดยรถเมล์ได้ 55 สาย หรือจอยจะเดินทางโดยรถไฟฟ้าได้ 22 สาย จงหาว่าจอยสามารถเดินทางจากบ้านไปโรงเรียนได้กี่วิธี
วิธีทำ เนื่องจากจอยเดินทางโดยรถเมล์ได้ 55 สาย และจอยเดินทางโดยรถไฟฟ้าได้ 22 สาย
โดยหลักการบวก จะได้ว่า จอยจะสามารถเดินทางจากบ้านไปโรงเรียนได้ทั้งหมด 5+2=75+2=7 แบบ

Ex. พี่แม็คกำลังตัดสินใจซื้อของในร้านค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งขายเสื้อ 55 แบบ ขายกางเกง 33 แบบ และขายหมวก 44 แบบ ถ้าพี่แม็คต้องการเลือกซื้อสินค้า 11 ชิ้น จงหาว่าพี่แม็คจะเลือกซื้อของจากร้านค้าแห่งนี้ได้ทั้งหมดกี่แบบ
วิธีทำ เนื่องจากร้านค้ามีเสื้อ 55 แบบ กางเกง 33 แบบ และหมวก 44 แบบ
โดยหลักการบวก จะได้ว่า พี่แม็คจะเลือกซื้อของจากร้านค้าแห่งนี้ได้ทั้งหมด 5+3+4=125+3+4=12 แบบ

หลักการคูณ

ในการทำงานอย่างหนึ่ง ถ้าสามารถแบ่งขั้นตอนการทำงานออกเป็น kk ขั้นตอน ซึ่งต้องทำต่อเนื่องกัน โดยที่
ขั้นตอนที่ 1 เลือกทำได้ n1n_1 วิธี
ขั้นตอนที่ 2 เลือกทำได้ n2n_2 วิธี
\vdots
ขั้นตอนที่ kk เลือกทำได้ nkn_k วิธี
แล้วจะสามารถทำงานนี้ได้ทั้งหมด n1×n2××nkn_1\times n_2\times\cdots\times n_k วิธี

Ex. ในงานสัมมนาแห่งหนึ่งได้จัดของว่างให้กับผู้เข้าร่วม ซึ่งแบ่งเป็นขนมปังที่มีรสชาติที่แตกต่างกัน 44 รส และเครื่องดื่มซึ่งเป็นน้ำผลไม้ที่มีรสชาติที่แตกต่างกัน 66 รส ถ้าต้องการจัดของว่างให้มีทั้งขนมปังและเครื่องดื่มให้กับผู้เข้าร่วมสัมมนาจะสามารถจัดได้ทั้งหมดกี่แบบ
วิธีทำ เนื่องจากของว่างที่ต้องจัดจะมีขนมปัง 44 รสชาติที่แตกต่างกัน และน้ำผลไม้ 66 รสชาติที่แตกต่างกัน
โดยหลักการคูณ จะได้ว่า ของว่างจะสามารถจัดได้ทั้งหมด 4×6=244 \times 6 = 24 แบบ

Ex. พี่แม็คกำลังแต่งตัวออกจากบ้าน ซึ่งมีเสื้อ 55 แบบ กางเกง 33 แบบ และหมวก 44 แบบ ถ้าพี่แม็คต้องการแต่งตัวออกจากบ้านโดยใส่ทั้งเสื้อ กางเกง และหมวกอย่างละ 11 ชิ้น จงหาว่าพี่แม็คจะแต่งตัวออกจากบ้านได้แตกต่างกันทั้งหมดกี่แบบ
วิธีทำ เนื่องจากพี่แม็คมีเสื้อ 55 แบบ กางเกง 33 แบบ และหมวก 44 แบบ
โดยหลักการคูณ จะได้ว่า พี่แม็คจะแต่งตัวออกจากบ้านได้แตกต่างกันทั้งหมด 5×3×4=605 \times 3 \times 4 = 60 แบบ

TIPS: หลักการบวกใช้เมื่อแต่ละกรณี ทำงานได้เสร็จสมบูรณ์
หลักการคูณใช้เมื่อขั้นตอนย่อย ๆ ทำงานยังไม่เสร็จสมบูรณ์

จากตัวอย่างที่ผ่านมาที่เป็นข้อที่พี่แม็คกำลังตัดสินใจซื้อเสื้อ กางเกง และหมวกมา 1 ชิ้น จะเห็นว่าการทำงานของพี่แม็ค คือ เลือกซื้อสิ่งของอะไรสักอย่างมา 1 ชิ้น จึงทำให้การทำงานนี้เสร็จสมบูรณ์ ทำให้ตัวอย่างนี้จะคิดโดยใช้หลักการบวก
แต่จะแตกต่างกับข้อที่พี่แม็คแต่งตัวออกจากบ้าน จะเห็นว่า การทำงานของพี่แม็ค คือ จะต้องเลือกทั้งเสื้อ กางเกง และหมวกมาอย่างละ 1 ชิ้น จึงจะทำให้พี่แม็คแต่งตัวเสร็จ แล้วออกจากบ้านได้ ทำให้ตัวอย่างนี้จะคิดโดยใช้หลักการคูณนั่นเองคร้าบบ

จะเห็นว่าภายใต้สถานการณ์เดียวกัน แต่การทำงานที่ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันจะส่งผลทำให้วิธีการคิดคำนวณที่ต่างกันออกไป ทั้งนี้ให้น้อง ๆ โฟกัสที่โจทย์เป็นหลักว่า โจทย์เขาต้องทำงานในรูปแบบใด น้องๆ อาจจะค่อยๆ ร่างแผนภาพคร่าว ๆ ว่าการทำงานนั้นต้องทำอะไรบ้าง ซึ่งจะช่วยให้น้อง ๆ เห็นภาพได้มากยิ่งขึ้นนั่นเองคร้าบบ

Post

สำหรับตัวอย่างถัดไป พี่แม็คจะชวนน้อง ๆ มาดูให้เห็นเกี่ยวกับการนำไปใช้ของหลักการบวกและหลักการคูณร่วมกัน ดังนี้ค้าบบ

Ex. ต้องการสร้างจำนวนเต็มบวก 33 หลักที่เป็นจำนวนคี่ที่มีค่ามากกว่า 200200 จากเลขโดด 0,1,2,3,4,50, 1, 2, 3, 4, 5
โดยที่ตัวเลขในแต่ละหลักไม่ซ้ำกันจะสามารถสร้างได้ทั้งหมดกี่จำนวน
วิธีทำ การสร้างจำนวนเต็มบวก 33 หลักที่เป็นจำนวนคี่ที่มีค่ามากกว่า 200200 สามารถพิจารณาได้เป็น 22 กรณีดังนี้
กรณีที่ 1 เลขโดดในหลักร้อยเป็นจำนวนคู่
ขั้นตอนที่ 1 พิจารณาตัวเลขในหลักร้อยที่เป็นไปได้ทั้งหมด ได้แก่ 2,42, 4 ซึ่งทำได้ 22 วิธี
ขั้นตอนที่ 2 เนื่องจากจะสร้างจำนวนคี่ที่มีค่ามากกว่า 200200 แสดงว่าตัวเลขในหลักหน่วยที่เป็นไปได้ทั้งหมด ได้แก่ 1,3,51, 3, 5 ซึ่งทำได้ 33 วิธี
ขั้นตอนที่ 3 เนื่องจากจะสร้างจำนวนที่ตัวเลขในแต่ละหลักไม่ซ้ำกัน แสดงว่าตัวเลขในหลักสิบที่เป็นไปได้ทั้งหมดต้องเป็นตัวเลขที่ไม่ได้ใช้ทั้งหลักหน่วยและหลักร้อย ซึ่งทำได้ 44 วิธี
โดยหลักการคูณ จะได้ว่า จำนวนเต็มบวก 33 หลักที่เป็นจำนวนคี่ที่มีค่ามากกว่า 200200 โดยที่เลขโดดในหลักร้อยเป็นจำนวนคู่ ซึ่งมีทั้งหมด 2×3×4=242 \times 3 \times 4 = 24 วิธี

กรณีที่ 2 เลขโดดในหลักร้อยเป็นจำนวนคี่
ขั้นตอนที่ 1 พิจารณาตัวเลขในหลักร้อยที่เป็นไปได้ทั้งหมด ได้แก่ 3,53, 5 ซึ่งทำได้ 22 วิธี
ขั้นตอนที่ 2 เนื่องจากจะสร้างจำนวนคี่ที่มีค่ามากกว่า 200200 และตัวเลขไม่ซ้ำกับหลักร้อย แสดงว่าตัวเลขในหลักหน่วยที่เป็นไปได้ทั้งหมดมี 22 วิธี (นั่นคือ 11 และตัวเลขอีกตัวที่ไม่ซ้ำกับหลักร้อย)
ขั้นตอนที่ 3 เนื่องจากจะสร้างจำนวนที่ตัวเลขในแต่ละหลักไม่ซ้ำกัน แสดงว่าตัวเลขในหลักสิบที่เป็นไปได้ทั้งหมดต้องเป็นตัวเลขที่ไม่ได้ใช้ทั้งหลักหน่วยและหลักร้อย ซึ่งทำได้ 44 วิธี
โดยหลักการคูณ จะได้ว่า จำนวนเต็มบวก 33 หลักที่เป็นจำนวนคี่ที่มีค่ามากกว่า 200200 โดยที่เลขโดดในหลักร้อยเป็นจำนวนคี่ ซึ่งมีทั้งหมด 2×2×4=162 \times 2 \times 4 = 16 วิธี

จากทั้ง 22 กรณี โดยหลักการบวก จะได้ว่า จำนวนเต็มบวก 33 หลักที่เป็นจำนวนคี่ที่มีค่ามากกว่า 200200 มีทั้งหมด 24+16=4024+16 = 40 วิธี

จากตัวอย่างที่ผ่านมาการสร้างจำนวนเต็มบวก 33 หลัก น้อง ๆ จะเห็นว่า พี่แม็คได้สร้างจำนวนโดยพิจารณาที่ตัวเลขในหลักร้อยก่อน แต่น้อง ๆ สามารถสร้างจำนวนโดยพิจารณาที่ตัวเลขในหลักหน่วยก่อนก็ได้ ซึ่งแบ่งได้เป็น 33 กรณี นั่นคือ เลขโดดในหลักหน่วยเป็น 1,31, 3 และ 55 แล้วค่อยพิจารณาเลขโดยในหลักร้อยและหลักสิบตามลำดับ ซึ่งจะได้จำนวนวิธีเท่ากับ 16+12+12=4016 + 12 + 12 = 40 วิธีเช่นกัน

แฟกทอเรียล

n!=1×2××nn! = 1 \times 2 \times \cdots \times n เมื่อ nn เป็นจำนวนเต็มบวก
และ 0!=10! = 1

Ex. ตัวอย่างของแฟกทอเรียล
1!=11! = 1
2!=1×2=22! = 1 \times 2 = 2
3!=1×2×3=63! = 1 \times 2 \times 3 = 6
4!=1×2×3×4=244! = 1 \times 2 \times 3 \times 4 = 24
5!=1×2×3×4×5=1205! = 1 \times 2 \times 3 \times 4 \times 5 = 120
6!=1×2×3×4×5×6=7206! = 1 \times 2 \times 3 \times 4 \times 5 \times 6 = 720

การเรียงสับเปลี่ยนเชิงเส้น

Ex. มีนักเรียน 55 คน ต้องการเข้าแถวหน้ากระดานจะสามารถจัดเรียงได้ทั้งหมดกี่แบบ
วิธีทำ พิจารณาการเข้าแถวหน้ากระดานของนักเรียน 55 คน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 เลือกนักเรียนมาลงได้ 55 คน
ขั้นตอนที่ 2 จากขั้นตอนที่ 1 จะเหลือคนที่ยังไม่ได้ยืนในแถว 44 คน
ขั้นตอนที่ 3 จากขั้นตอนที่ 1 - 2 จะเหลือคนที่ยังไม่ได้ยืนในแถว 33 คน
ขั้นตอนที่ 4 จากขั้นตอนที่ 1 - 3 จะเหลือคนที่ยังไม่ได้ยืนในแถว 22 คน
ขั้นตอนที่ 5 จากขั้นตอนที่ 1 - 4 จะเหลือคนที่ยังไม่ได้ยืนในแถว 11 คน
โดยหลักการคูณ จะได้ว่า การเข้าแถวหน้ากระดานของนักเรียน 55 คนจะสามารถจัดเรียงได้ทั้งหมด
5×4×3×2×1=1205 \times 4 \times 3 \times 2 \times 1 = 120 วิธี

จากตัวอย่างที่เรียงแถวหน้ากระดานของนักเรียน 5 คน น้อง ๆ สามารถทำได้โดยใช้หลักการคูณที่แสดงไว้ข้างต้นได้เลยคั้บ^^ แต่พี่แม็คสามารถมองตอบได้เลยทันทีว่ามีค่าเท่ากับ 5!5! เพราะ 5!=5×4×3×2×1=1205! = 5 \times 4 \times 3 \times 2 \times 1 = 120 นั่นเองคร้าบบ

Ex. มีนักเรียน 77 คน ต้องการนั่งเก้าอี้ที่เรียงแถวหน้ากระดานจำนวน 55 ที่นั่งจะสามารถจัดเรียงได้ทั้งหมดกี่แบบ
วิธีทำ พิจารณาการนั่งเข้าแถวหน้ากระดานของนักเรียน 77 คน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 เลือกนักเรียนมานั่งเก้าอี้ได้ 77 คน
ขั้นตอนที่ 2 จากขั้นตอนที่ 1 จะเหลือนักเรียนมานั่งเก้าอี้อยู่ 66 คน
ขั้นตอนที่ 3 จากขั้นตอนที่ 1 - 2 จะเหลือนักเรียนมานั่งเก้าอี้อยู่ 55 คน
ขั้นตอนที่ 4 จากขั้นตอนที่ 1 - 3 จะเหลือนักเรียนมานั่งเก้าอี้อยู่ 44 คน
ขั้นตอนที่ 5 จากขั้นตอนที่ 1 - 4 จะเหลือนักเรียนมานั่งเก้าอี้อยู่ 33 คน
โดยหลักการคูณ จะได้ว่า การนั่งเก้าอี้ 55 ที่นั่งที่เรียงแถวหน้ากระดานของนักเรียน 77 คนจะสามารถจัดเรียงได้ทั้งหมด
7×6×5×4×3=25207 \times 6 \times 5 \times 4 \times 3 = 2520 วิธี

จากตัวอย่างที่นำนักเรียน 77 คน ต้องการนั่งเก้าอี้ที่เรียงแถวหน้ากระดานจำนวน 55 ที่นั่ง พี่แม็คสามารถคิดได้อีกวิธี โดยนำนักเรียนทั้ง 77 คนมาเรียงเป็นแถวตรงก่อน จะได้ทั้งหมด

7!=7×6×5×4×3×2×1 \begin{align*} 7! = 7 \times 6 \times 5 \times 4 \times 3 \times 2 \times 1 \end{align*}

แต่เราไม่ได้ต้องการให้นักเรียนทุกคนได้นั่งเก้าอี้ มีเพียง 55 คนเท่านั้นที่ต้องเลือกมานั่ง และนักเรียนอีก 22 คนที่เหลือ (ในที่นี้จะไม่นับรวมตำแหน่งของนักเรียน 22 คนนั้น) ซึ่งพี่แม็คจะหารออกด้วย 2!2!

จะได้ว่า การนั่งเก้าอี้ 55 ที่นั่งที่เรียงแถวหน้ากระดานของนักเรียน 77 คนจะสามารถจัดเรียงได้ทั้งหมด

7!2!=7×6×5×4×3×2×12×1=7×6×5×4×3=2520 \begin{align*} \displaystyle\frac{7!}{2!} &= \displaystyle\frac{7 \times 6 \times 5 \times 4 \times 3 \times 2 \times 1}{2 \times 1} \\ &= 7 \times 6 \times 5 \times 4 \times 3 \\ &= 2520 \end{align*}

ซึ่งรูปแบบการนับแบบนี้เรียกว่า การเรียงสับเปลี่ยนเชิงเส้น

การเรียงสับเปลี่ยนเชิงเส้น (linear permutation) ของสิ่งของ rr สิ่งจากทั้งหมด nn สิ่ง เขียนแทนด้วย Pn,rP_{n,r}
กำหนดโดย

Pn,r=n!(nr)! \begin{align*} P_{n,r} = \displaystyle\frac{n!}{(n-r)!} \end{align*}

จากตัวอย่างที่ผ่านมา ทำให้พี่แม็คสามารถสรุปได้เป็น 2 กรณี ดังนี้

Post

การเรียงสับเปลี่ยนเชิงวงกลม

Ex. มีนักเรียน 55 คน ต้องการนั่งโต๊ะกลมจะมีวิธีการนั่งทั้งหมดกี่แบบ
วิธีทำ พิจารณาการนั่งโต๊ะกลมของนักเรียน 55 คน ดังนี้
กำหนดให้นักเรียน 55 คนมีชื่อเป็น A,B,C,DA, B, C, D และ EE
ขั้นตอนที่ 1 นำนักเรียน AA ลงมานั่งโต๊ะกลม ทำได้ 11 วิธี
ขั้นตอนที่ 2 จากขั้นตอนที่ 1 จะสามารถนำ BB มานั่งลงเก้าอี้ได้ 44 วิธี
ขั้นตอนที่ 3 จากขั้นตอนที่ 1 - 2 สามารถนำ CC มานั่งลงเก้าอี้ได้ 33 วิธี
ขั้นตอนที่ 4 จากขั้นตอนที่ 1 - 3 สามารถนำ DD มานั่งลงเก้าอี้ได้ 22 วิธี
ขั้นตอนที่ 5 จากขั้นตอนที่ 1 - 4 สามารถนำ EE มานั่งลงเก้าอี้ได้ 11 วิธี
โดยหลักการคูณ จะได้ว่า การนั่งโต๊ะกลมของนักเรียน 55 คนจะสามารถจัดเรียงได้ทั้งหมด
1×4×3×2×1=241 \times 4 \times 3 \times 2 \times 1 = 24 วิธี

Post

ซึ่งรูปแบบการนับแบบนี้เรียกว่า การเรียงสับเปลี่ยนเชิงวงกลม (circular permutation)

จำนวนวิธีการเรียงสับเปลี่ยนเชิงวงกลมของสิ่งของที่แตกต่างกันทั้งหมด nn ชิ้น เท่ากับ (n1)!(n-1)! วิธี

การจัดหมู่

Ex. นำนักเรียน A,B,C,DA, B, C, D มาทำกิจกรรมหน้าห้องพร้อมกัน 2 คน จะมีวิธีการเลือกกี่แบบ
วิธีทำ พิจารณาการเลือกนักเรียน 22 คนจากนักเรียน 44 คน สามารถเลือกได้ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 เลือกนักเรียน 22 คนจากนักเรียน 44 คน ทำได้ P4,2P_{4,2} วิธี
เนื่องจากการนำนักเรียนมาทำกิจกรรมหน้าชั้นเรียนในวิธีดังกล่าวจะสนใจลำดับการออกมาทำกิจกรรมหน้าชั้นเรียน
แต่ในที่นี้เราไม่ได้สนใจลำดับการเลือกนักเรียน ทำให้เกิดการนับซ้ำ เช่น ABAB (A ออกก่อน B) และ BABA (B ออกก่อน A) จะเห็นว่าการเลือกนักเรียนนี้จะมี 2 คนนั่นคือ AA และ BB แต่แตกต่างกันตรงที่มีลำดับการออกมาทำกิจกรรม
โดยการนำนักเรียนมาทำกิจกรรม 22 คน จะทำให้เกิดกรณีซ้ำทั้งหมด 2!2! วิธี
ดังนั้น การเลือกนักเรียน 22 คน จากทั้งหมด 44 คน จะทำได้ P4,22!=122=6\displaystyle\frac{P_{4,2}}{2!} = \frac{12}{2}= 6 วิธี

ซึ่งรูปแบบการนับแบบนี้เรียกว่า การจัดหมู่ (combination)

จำนวนวิธีการเรียงสับเปลี่ยนเชิงวงกลมของสิ่งของที่แตกต่างกันทั้งหมด nn ชิ้น เขียนแทนด้วย Cn,rC_{n,r} หรือ (nr)\begin{pmatrix} n \\ r \end{pmatrix} กำหนดโดย

Cn,r=Pn,rn!=n!(nr)! r! \begin{align*} C_{n,r} = \displaystyle\frac{P_{n,r}}{n!} = \displaystyle\frac{n!}{(n-r)!\ r!} \end{align*}

Post

ความน่าจะเป็น

แต่ก่อนอื่นพี่แม็คจะให้น้อง ๆ ทำความรู้จักกับการทดลองสุ่ม ปริภูมิตัวอย่าง และเหตุการณ์ ดังนี้
การทดลองสุ่ม (random experiment) คือ การทดลองที่ทราบว่ามีผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเป็นอะไรได้บ้าง แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าในแต่ละครั้งที่ทดลองจะเกิดผลลัพธ์อะไรขึ้นมา
ปริภูมิตัวอย่าง (sample space) เขียนแทนด้วย SS คือ เซตของผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากการทดลองสุ่ม
เหตุการณ์ (event) เขียนแทนด้วย EE คือ สับเซตของปริภูมิตัวอย่าง

Ex. ตัวอย่างการทดลองสุ่ม ปริภูมิตัวอย่าง และเหตุการณ์

  • ในการโยนเหรียญ 11 เหรียญ 11 ครั้ง ผลลัพธ์ที่ได้จากการโยนเหรียญอาจจะเป็นหัว (H)(H) หรือก้อย (T)(T) ก็ได้
    ปริภูมิตัวอย่าง คือ S1={H,T}S_1 =\left\{H,T\right\}
    ถ้าสนใจเหตุการณ์ที่เหรียญออกหัว จะได้ว่า เหตุการณ์ คือ E1={H}E_1=\left\{H\right\}
  • ในการโยนลูกเต๋า 11 ลูก 11 ครั้ง ผลลัพธ์ที่ได้จากการโยนลูกเต๋าอาจจะเป็น 1, 2, 3, 4, 51,\ 2,\ 3,\ 4,\ 5 หรือ 66 ก็ได้
    ปริภูมิตัวอย่าง คือ S2={1, 2, 3, 4, 5, 6}S_2=\left\{1,\ 2,\ 3,\ 4,\ 5,\ 6\right\}
    ถ้าสนใจเหตุการณ์ที่ลูกเต๋าขึ้นแต้มเป็นจำนวนคู่ จะได้ว่า เหตุการณ์ คือ E2={2, 4, 6}E_2=\left\{2,\ 4,\ 6\right\}

ความน่าจะเป็น (probability) เขียนแทนด้วย P(E)P(E) เป็นอัตราส่วนของจำนวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อจำนวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด นั่นคือ

P(E)=n(E)n(S) \begin{align*} P(E) = \displaystyle\frac{n(E)}{n(S)} \end{align*}

Ex. จงหาความน่าจะเป็นของการโยนลูกเต๋า 11 ลูก 11 ครั้งแล้วแต้มของลูกเต๋าออกมาน้อยกว่า 33
วิธีทำ เนื่องจากปริภูมิตัวอย่างของการโยนลูกเต๋า 11 ลูก 11 ครั้ง คือ S={1, 2, 3, 4, 5, 6}S=\left\{1,\ 2,\ 3,\ 4,\ 5,\ 6\right\}
และเหตุการณ์ที่โยนลูกเต๋า 11 ลูก 11 ครั้งแล้วแต้มของลูกเต๋าออกมาน้อยกว่า 33 คือ E={1, 2}E=\left\{1,\ 2\right\}
ดังนั้น ความน่าจะเป็นของการโยนลูกเต๋า 11 ลูก 11 ครั้งแล้วแต้มของลูกเต๋าออกมาน้อยกว่า 33 เท่ากับ

P(E)=26=13 \begin{align*} P(E) = \displaystyle\frac{2}{6} = \displaystyle\frac{1}{3} \end{align*}

บางครั้งการหาความน่าจะเป็นก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดนะค้าบบ เพราะน้อง ๆ สามารถเอาหลักการนับเบื้องต้นที่ได้พูดถึงมาแล้ว มาช่วยหาจำนวนวิธีที่เป็นไปได้ ตัวอย่างเช่น

Ex. จงหาความน่าจะเป็นที่จะสร้างจำนวนเต็มบวก 33 หลักจากเลขโดด 0,1,3,5,8,90,1,3,5,8,9 ที่มีค่าไม่น้อยกว่า 500500
วิธีทำ ให้ SS เป็นปริภูมิตัวอย่างของการสร้างจำนวนเต็มบวก 33 หลักจากเลขโดด 0,1,3,5,8,90,1,3,5,8,9
พิจารณาการหาจำนวนสมาชิกทั้งหมดของปริภูมิตัวอย่าง SS ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 เลือกเลขโดดในหลักร้อย (เลือกทุกตัวยกเว้น 00) ทำได้ 55 วิธี
ขั้นตอนที่ 2 จากขั้นตอนที่ 1 จะเลือกเลขโดดในหลักสิบได้ 66 วิธี
ขั้นตอนที่ 3 จากขั้นตอนที่ 1 - 2 สามารถเลือกเลขโดดในหลักหน่วยได้ 66 วิธี
โดยหลักการคูณ จะได้ว่า ปริภูมิตัวอย่าง SS มีสมาชิกทั้งหมด 5×6×6=1805 \times 6 \times 6 = 180 วิธี

ให้ EE เป็นเหตุการณ์ของการสร้างจำนวนเต็มบวก 33 หลักจากเลขโดด 0,1,3,5,8,90,1,3,5,8,9 ที่มีค่าไม่น้อยกว่า 500500
(นั่นคือ สร้างจำนวนที่มีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 500500)
พิจารณาการหาจำนวนสมาชิกทั้งหมดของเหตุการณ์ EE ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 เลือกเลขโดดในหลักร้อย (เลือกทุกตัวยกเว้น 00) ทำได้ 33 วิธี
ขั้นตอนที่ 2 จากขั้นตอนที่ 1 จะเลือกเลขโดดในหลักสิบได้ 66 วิธี
ขั้นตอนที่ 3 จากขั้นตอนที่ 1 - 2 สามารถเลือกเลขโดดในหลักหน่วยได้ 66 วิธี
โดยหลักการคูณ จะได้ว่า เหตุการณ์ EE มีสมาชิกทั้งหมด 3×6×6=1083 \times 6 \times 6 = 108 วิธี

ดังนั้น ความน่าจะเป็นที่จะสร้างจำนวนเต็มบวก 33 หลักจากเลขโดด 0,1,3,5,8,90,1,3,5,8,9 ที่มีค่าไม่น้อยกว่า 500500 เท่ากับ

P(E)=108180=35 \begin{align*} P(E) = \displaystyle\frac{108}{180} = \displaystyle\frac{3}{5} \end{align*}

ข้อสอบจริง A-Level คณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 เรื่องหลักการนับเบื้องต้นและความน่าจะเป็น (ปี 64)

สำนักงานเขตแห่งหนึ่งจัดที่นั่งสำหรับผู้มารอทำบัตรประชาชน โดยเป็นเก้าอี้ 1111 ตัว ที่วางเรียงกันเป็นแถวหน้ากระดานหนึ่งแถว เพื่อเป็นการป้องกันการระบาดของโรคโควิด19-19 จึงไม่ให้มีการนั่งเก้าอี้ติดกัน ถ้าในช่วงเวลาหนึ่งมีผู้มารอทำบัตรประชาชน 55 คน แล้วจะมีวิธีการจัดที่นั่งให้ทั้ง 55 คน ได้ทั้งหมดกี่วิธี

  1. 11!6!\displaystyle\frac{11!}{6!}
  2. 11!5! 6!\displaystyle\frac{11!}{5!\ 6!}
  3. 7!2!\displaystyle\frac{7!}{2!}
  4. 7!5! 2!\displaystyle\frac{7!}{5!\ 2!}
  5. 5!5!

วิธีทำ พิจารณาการการจัดที่นั่งสำหรับการทำบัตรประชาชน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 นำเก้าอี้ 66 ตัวมาเรียงแถวหน้ากระดาน ทำได้ 11 วิธี

Post


ขั้นตอนที่ 2 จากขั้นตอนที่ 1 จะเห็นว่ามีช่องว่างระหว่างเก้าอี้ทั้งหมด 77 ช่อง โดยสามารถนำคน 55 คนมาแทรกระหว่างช่องว่าง 77 ที่นี้

Post

ซึ่งทำได้ P7,5=7!(75)!=7!2!P_{7,5}= \displaystyle\frac{7!}{(7-5)!} = \displaystyle\frac{7!}{2!} วิธี

ดังนั้น การจัดที่นั่งให้ทั้ง 55 คน จะสามารถทำได้ทั้งหมด 7!2!\displaystyle\frac{7!}{2!} วิธี

ตอบ ข้อ 3. 7!2!\displaystyle\frac{7!}{2!}