DEK68 จะเข้าหมอ/ทันตะ ต้องสอบอะไรบ้าง
เมษายน 15, 2024
“DEK68 ที่อยากเป็นหมอ/ทันตะ/เภสัช/สัตวะ อ่านบทความนี้ให้จบ” ปล.บทความนี้ยาวหน่อยน้า^^
มีน้องๆ DEK68 หลายคน ทักมาถามพี่หมอแม็คว่า ถ้าอยากเป็นหมอ/ทันตะ/เภสัช/สัตวะ จะต้องสอบอะไรบ้าง มีกี่รอบให้สอบ ในโพสต์นี้พี่แม็คจะสรุปหัวใจสำคัญทุกอย่างครบจบในที่เดียว พี่แม็คเชื่อว่าพอน้องได้อ่านบทความนี้จบ จะทำให้น้องรู้ว่าต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง และจะเพิ่มโอกาสในการสอบติดคณะในฝันของน้องๆแน่นอนครับ โดยพี่แม็คจะขอแบ่งบทความนี้ออกเป็น 3 part หลักๆ
PART 1 : TCAS68 สรุปมีกี่รอบ?
PART 2 : การเตรียมตัวที่ไม่เคยมีใครกล้าบอกน้องๆมาก่อน
PART 3 : SURPRISE
PART 1 : TCAS68 สรุปมีกี่รอบ?
ก่อนอื่นน้องควรจะรู้จักระบบ TCAS ก่อนครับ TCAS ย่อมาจาก Thai University Central Admission System คือระบบการรับนักเรียนเข้ามหาวิทยาลัยในไทยในปัจจุบัน ซึ่งจะต่างจากอดีตที่ผ่านมา เช่น Entrance โดย TCAS68 ของน้องจะประกอบด้วย 4 รอบใหญ่ๆ คือรอบ 1-4 โดยสิ่งที่สำคัญจะมีอยู่ว่า ถ้าน้องสอบติดรอบ 1 แล้วยืนยันสิทธิ์รอบที่ 1 น้องจะไม่มีสิทธิ์ในการเลือกรอบที่ 2 3 4 แต่ถ้าน้องอยากจะเลือกรอบ 2 3 4 น้องต้องทำการสละสิทธิ์รอบที่ 1 ก่อน พูดง่ายๆคือ ระบบนี้จะป้องกันไม่ให้น้องกั๊กที่ของคนอื่นๆ ถ้าจะเอาแล้วต้องเอาเลย จะจับปลาสองมือไม่ได้ครับ ดังนั้น ถ้าเกิดเราตั้งเป้าหมายไว้ที่ TCAS รอบ3 (กสพท.) อย่างแน่นอนแล้ว ก็ไม่จำเป็นจะต้องไปเตรียมตัว TCAS รอบ1 ให้เสียเวลา เสียค่าใช้จ่าย นอกจากนี้จะทำให้เรามีสมาธิ มุ่งมั่นไปกับการสอบรอบที่ 3 โดยตรง แล้ว TCAS ในแต่ละรอบ มีอะไรบ้างล่ะ
TCAS รอบ 1 : Portfolio
พูดชื่อน้องๆก็รู้แล้วว่าต้องใช้พอร์ตโฟลิโอ แต่ว่าจะใช้พอร์ตอย่างเดียวไม่ได้ ต้องใช้ร่วมกับคะแนนต่างๆ เช่น TOEFL , IELTS , SAT นอกจากนี้บางมหาวิทยาลัยจะมีข้อสอบเฉพาะที่ใช้ยื่นในมหาวิทยาลัยนั้นๆ ในบางที่จะใช้คะแนน GPAX ร่วมด้วย ซึ่งน้องๆที่เหมาะกับรอบนี้ก็คือน้องที่มีความถนัดทางด้านภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี มีการทำกิจกรรมพิเศษ มีความสามารถพิเศษ ผ่านการเข้าค่ายโอลิมปิกวิชาการในรอบลึกๆ ในระบบนี้ค่าสมัครสอบค่อนข้างสูง โดยรวมๆแล้วจะใช้ค่าใช้จ่ายสูงถึงหลักพันถึงหมื่นกว่าบาทเลยทีเดียว
มหาวิทยาลัยที่เปิดรับ : คณะแพทยศาสตร์ จุฬา รามา ศิริราช มศว มธ มช มข มอ (รอประกาศอัพเดตอีกที)
TCAS รอบ 2 : รอบโควตา
สำหรับน้องๆ ที่อยู่ต่างจังหวัด จะมีโควตาพิเศษในแต่ละจังหวัดเพื่อที่จะสอบแข่งขันกันเองในจังหวัดนั้นๆ หลักการคือดูว่าจังหวัดของน้องจะได้สิทธิเข้าที่มหาวิทยาลัยไหน แล้วเปิดดูที่เว็ปไซต์ของมหาวิทยาลัยนั้นๆ ว่าจะต้องใช้ข้อมูลหรือคะแนนอะไรบ้าง ต้องสอบอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้คะแนน A-level (9 วิชาสามัญ) กับ TPAT1 ความถนัดทางการแพทย์ รวมไปถึงTGAT-TPAT มีการสอบสัมภาษณ์ โดยเกณฑ์ต่างๆจะขึ้นกับแต่ละมหาวิทยาลัย
TCAS รอบ 3 : กสพท. (Admission1)
เป็นรอบที่รับเยอะที่สุด คนสมัครกันเยอะที่สุด แต่ก็แลกมาด้วยอัตราการแข่งขันที่สูงมากๆเหมือนกัน โดยในรอบนี้น้องสามารถเลือกคณะที่อยากเข้าได้ถึง 10 อันดับว่าอยากจะเข้าคณะไหนมากที่สุด โดยสิ่งที่ต้องสอบในรอบนี้คือ A-level หรือ 9วิชาสามัญนั่นเอง (คิดเป็น 70% โดยกำหนดไว้ว่าคะแนนในแต่ละกลุ่มวิชาต้องได้ 30% ขึ้นไป) และ TPAT1 ความถนัดทางการแพทย์ (คิดเป็น 30%) ข้อมูล กสพท แบบละเอียดอยู่ในบทความนี้น้า
โดยในปัจจุบันจะเปิดเผยคะแนนก่อน แล้วถึงจะให้ตัดสินใจเลือกอันดับ ซึ่งแน่นอนครับว่าการเลือกอันดับนี้ค่อนข้างที่จะตัดสินอนาคตของน้องได้เลยทีเดียว ซึ่งน้อง ๆ สามารถดูสถิติคะแนน กสพท ที่พี่รวบรวมไว้ได้ที่
TCAS รอบ 4 : รับตรงอิสระ เก็บตกรอบสุดท้าย
รอบนี้ค่อนข้างเปลี่ยนแปลงไปมาได้ตลอด ขึ้นกับประกาศแต่ละปี พี่แนะนำว่าให้ฝากความหวังไว้กับรอบ 1 2 3 จะชัวร์ที่สุด
PART 2 : การเตรียมตัวอ่านหนังสือ
สำหรับน้องๆ ม.4/ม.5
พี่แม็คแนะนำให้เก็บวิชาหลักให้พร้อมก่อน โดยเน้นไปที่หนังสือของสสวท.เป็นหลัก ควรเตรียมตัวล่วงหน้าให้มีความรู้ของ ม.4-6 ก่อนที่จะเปิดเทอม ม.6 ซึ่งในความเป็นจริงค่อนข้างยาก แต่ถ้าน้องทำได้แล้วล่ะก็ โอกาสในการสอบติดของน้องจะสูงขึ้นแน่นอน แต่ถ้าเตรียมตัวไม่ทันจริงๆ ก็ขอให้เรียนเนื้อหาจบให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ วิชาที่ไม่ชอบ ห้ามทิ้ง แต่เอาช่วงเวลานี้ไปทำความเข้าใจกับมันมากขึ้น อัพคะแนนขึ้นมาให้มากที่สุด เพราะอย่าลืมว่าในการสอบ A-level ถ้าหากมีวิชาใดที่ได้น้อยกว่า 30% น้องจะหมดโอกาสในการยื่นกสพท.ปีนั้นโดยทันที
สำหรับน้อง ม.6
ปีสุดท้ายแล้วนะครับ น้องเลือกได้ว่าจะอดทนสู้อีก 1 ปี เพื่อทำตามความฝันที่น้องต้องการรึเปล่า พี่เข้าใจนะว่ามันยากและเหนื่อยมากๆในปีนี้ ไหนจะงานที่โรงเรียน ดังนั้นเราต้องบริหารเวลาให้คุ้มค่าที่สุดครับ ไหนจะสอบ A-level เดือนมีนาคม และ TPAT1 ความถนัดทางการแพทย์ กสพท. (วิชานี้จะสอบเร็วกว่าคือช่วงเดือนธันวาคม) ไหนจะมี TGAT อีก แต่พี่เชื่อว่าน้องๆของพี่ทุกคนจะผ่านมันไปได้นะ ความยากก็คือ ถามตัวเองก่อนว่า พร้อมสอบรึยัง ถ้าไม่พร้อม ต้องดูว่าตัวเองขาดตกบกพร่องตรงไหน ถ้าเนื้อหาไม่พร้อม ต้องรีบเก็บให้ครบ เอาให้พร้อมให้เร็วที่สุด หลักการอ่านหนังสือที่พี่เคยใช้นะ วันจันทร์ถึงวันศุกร์ เลือกอ่านวิชาที่ตัวเองชอบและถนัด ในขณะที่วันเสาร์กับอาทิตย์จะอ่านวิชาที่ตัวเองไม่ถนัด หรือต้องจำมันเยอะๆ พยายามทบทวนเนื้อหาเก่าๆของม.4 ม.5 ด้วยนะครับ พี่บอกน้องที่เคยเรียนกับพี่ทุกคนว่า พยายามเก็บวิชาคำนวณ เช่น เลข ฟิสิกส์ เคมี ให้แม่นให้พร้อมสอบภายในเดือนมกราคม ส่วนวิชาแนวท่องจำเช่น สังคม ชีวะ ให้พร้อมสอบภายในเดือนกุมภาพันธ์ครับ ส่วนภาษาอังกฤษพี่อยากจะให้น้องทุกคน ฝึกทุกวันนะ ในส่วนของ TPAT1 ความถนัดแพทย์ ที่จัดสอบโดย กสพท. พี่แนะนำว่า น้องควรจะเรียนตอนม.5 หรือม.6 โดยพยายามเรียนก่อนหนึ่งรอบให้รู้ว่ามันจะออกข้อสอบอะไรบ้าง แล้วกลับมาเรียนซ้ำอีกรอบนึงช่วงใกล้สอบ สำหรับน้องๆคนไหนที่เรียนกับพี่อยู่แล้ว เดี๋ยวใกล้สอบเราจะมาเก็งข้อสอบด้วยกันอีกรอบนึงนะครับ พี่อยากจะบอกว่าที่หลายคนทำข้อสอบไม่ได้ ไม่ใช่เพราะว่ามันยาก แต่เพราะอ่านไม่ทัน ดังนั้นวิชาคำนวณ การทำข้อสอบเก่าๆ จะช่วยให้เราทบทวนสูตรได้ไปในตัว ในขณะที่วิชาอย่าง ชีวะ สังคม โจทย์ค่อนข้างหลากหลาย พยายามอ่านเนื้อหาทำความเข้าใจให้ได้เยอะที่สุด เพราะเราไม่รู้เลยว่าในปีของเราโจทย์มันจะออกไปทางไหน
PART3 : SURPRISE
สำหรับน้องๆที่อ่านจบจนมาถึงพาร์ตนี้ น้องอ่านเกินโควตาคนไทยแล้วนะครับ ฮ่าๆๆ ตอนนี้พี่แม็คได้จัดทำโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับน้องๆที่อยากเรียนความถนัดแพทย์กับพี่แม็ค อยากฝึกทำแนวข้อสอบจริงความถนัดแพทย์ กสพท. ปีล่าสุด(ที่สอบเมื่อ 16 ธันวาคม 2566) รวมถึงTGAT2,3 และคณิต A-Level เพื่อใช้ในการสอบเข้ากสพท. สามารถดูโปรพิเศษได้ทาง
คอร์สแนะนำ
แพ็คสุดคุ้มราคาพิเศษ
ดูคอร์สULTIMATE ความถนัดแพทย์ TPAT1
เชาวน์ปัญญา จริยธรรมทางการแพทย์ และเชื่อมโยง
ดูคอร์สTAKE OVER คณิต1
สอนเนื้อหาครบทุกบทไปจนถึงลุยแนวข้อสอบจริง
ดูคอร์สและที่สำคัญหลังจากคะแนนออกแล้ว ลูกศิษย์พี่แม็คทุกคนสามารถเอาคะแนนมาให้พี่ช่วยวางแผนในการเลือกอันดับได้เลยนะครับ สำหรับบทความนี้พี่ก็หวังว่าจะเป็นแรงผลักดันให้น้องๆทุกคน ได้มีพลังเพิ่มขึ้นนะครับ ส่วนใครอยากจะปรึกษาอะไรส่วนตัวกับพี่แม็คทักมาทางเพจเฟสบุ้ค MEDDENT หรือ line : @meddent ได้เลยครับ
สู้เว้ย DEK68! น้องทำได้